ดร.สุภัททา ปิณฑะแพทย์

Dr.Supatta Pinthapataya

email: supattapin@yahoo.com







ครูชั้นเตี้ย

เป็นครูมาจนถึงทุกวันนี้ก็อดที่จะคิดถึงวันเวลาที่ผ่านมาตลอดชีวิตของการเป็นครูไม่ได้ ในวันนี้ก็เช่นเดียวกันกับวันไหน ๆ ของการทำงานในอาชีพครู คือ มาโรงเรียน สอน พัก สอน กลับบ้าน การที่มัวแต่สอน สอน และสอนนี้เองทำให้ครูบางคนลืมเขียนงานที่เก็บมาใช้สอนให้เป็นผลงานเพื่อเลื่อนขั้นตัวเอง มานึกได้ก็อีตอนที่ อีก 5-6 เดือนจะปลดเกษียณเสียแล้ว จะเรียกว่าสายเกินกาลก็ได้ แต่ถามว่าเสียดายไหม บอกแทนได้เลยว่าไม่เสียดาย เพราะทุกเวลานาทีฉันคือครู   ถามว่าเงินเดือนติดทำไมถึงไม่รู้ตัวหรือว่าจะต้องทำผลงาน คำตอบของพวกครูเหล่านั้นก็คือ รู้แต่ไม่มีเวลา ครูเหล่านี้สอนเต็มที่ ดูแลนักเรียนอย่างเอาใจใส่ ตรวจงานอย่างระมัดระวัง ใช้เวลาส่วนใหญ่กับนักเรียนอย่างมีความสุขจนลืมนึกถึงเรืองอื่น ๆ ตอนเช้ามาโรงเรียนแต่เช้าเฝ้าประตู คอยตรวจตราความเรียบร้อย พูดคุกับนักเรียนถ้ามีปัญหาครูอยู่นี่คอยดูแล  พอโรงเรียนเข้า  ก็สอน ตรวจงาน ยิ่งเป็นครูชั้นเตี้ย ๆ ด้วยแล้วชั่วโมงสอนก็ยิ่งมาก  ดังนั้นครูประถมจึงสอนกันวันละ  15-16 ชั่วโมงเป็นมาตรฐาน สอนแล้วก็มีการตรวจงานว่านักเรียนทำได้อย่างที่สอนไว้หรือเปล่า แต่อย่างไรก็ตามเมื่อมีการกระตุ้นหนักเข้า ก็ต้องเจียดเวลาที่ไม่มีอยู่แล้วมาทำผลงาน  ผลปรากฏว่าทำเอาพวกครูหลายคนเครียดกันเป็นแถว เพื่อนของฉันถึงกับเส้นเลือดในสมองแตกต้องไปนอนแผ่ให้หมอรักษาเป็นเรื่องเป็นราวกันใหญ่โต ทำท่าจะไม่รอดเสียด้วย

การเป็นครุนี่ก็มีการแบ่งชั้นกัน ใครถามว่าสอนที่ไหน  สอนชั้นไหน  พอบอกว่า สอนชั้นประถมศึกษา ก็มักจะมีคนทำท่าให้รู้สึกว่าเป็นแค่ครูประถมเองหรือ แต่ถ้าลองบอกว่าสอนระดับมหาวิทยาลัยซี  คนจะแสดงสีหน้าออกมา ซึ่งแปลได้ว่า  เป็นอาจารย์ระดับมหาวิทยาลัยเชียวนะ ยิ่งเป็นคนที่มีอาชีพอื่นด้วยแล้ว พวกเขาจะมองครูชั้นเตี้ยว่าเป็นคนละเกรดกับพวกเขาเชียวละ  น่าแปลกที่ทำไมคิดไม่ได้ว่า  ถ้าไม่มีใครยอมมาเป็นครูชั้นเตี้ยสอนลูกหลานพวกเขา ลองคิดดูซิว่าอะไรจะเกิดขึ้น  เด็ก ๆ ก็คงไม่มีครูที่คอยสอนให้เขาอ่านที่ละคำ  เขียนทีละตัว  ด้วยความอดทนเป็นเลิศ  ถ้าไม่เก่งจริงป่านนี้ประเทศไทยเป็นประเทศที่ปลอดคนอ่านออกเขียนได้ไปนานแล้ว  จริงไหม และเพราะการปลูกฝังเด็กในขั้นพื้นฐานนี้แหละจึงทำให้เขาเหล่านั้นได้เติบโตรู้จักตนเอง ลุกขึ้นยืนอย่างสมภาคภูมิ เป็นผู้นำในระดับต่าง ๆ ได้ซ้ำร้ายในปัจจุบันนี้มีคนให้คำนิยามว่า ครู คือคนจนรุ่นใหม่ของสังคมไทย เขาว่า พวกครูมักจะชอบกู้ ชอบผ่อน จนเป็นหนี้เป็นสินล้นพ้นตัว ก็เพราะยากจนน่ะซีจึงต้องผ่อนทุกอย่าง แม้แต่เสื้อผ้าที่ซื้อมาตัดใช้สอนนี่ก็ต้องเป็นเงินผ่อนเหมือนกัน

เมื่อฉันกลับมาพิจารณาตัวเอง แล้วก็พบว่า จริงอย่างเขาว่า อย่าว่าแต่ลืมทำผลงานเลย ฉันลืมแม้แต่จะหาเสื้อผ้าชุดใหม่ ๆ กระเป๋า รองเท้าที่สุดเท่ความจริงจะว่าลืมเสียทีเดียวก็คงไม่ใช่  อาจจะเป็นเพราะว่า ฉันเกรงว่าจะเป็นการสิ้นเปลืองโดยใช่เหตุเสียละมากกว่า  เพราะวัน ๆ หนึ่งนั้นความจริงแล้วฉันก็เจอกับเด็กลูกศิษย์เท่านั้น แล้วเด็กก็ไม่ได้ใส่ใจว่า ชุดเสื้อสีขาวกระโปรงสีน้ำเงินของฉันนั้นมันมีความแตกต่างไปจากชุดนักเรียนของพวกเขาอย่างไร ขนาดที่ฉันไม่ค่อยได้ใช้จ่ายในเรื่องส่วนตัวสักเท่าไร  ฉันยังแทบจะไม่พอใช้ในแต่ละเดือน  ถ้าเด็กรุ่นใหม่มองเห็นฉันเป็นตัวอย่างคงไม่มีใครอยากเป็นครูแน่ ก็จะให้ใครมากินอุดมการณ์ความเป็นครูต่อจากคนที่แม้จะตายก็ยังไม่รู้ว่าจะมีเงินเผาศพตัวเองหรือเปล่า ทำอะไรเพื่อครูกันบ้างเถอะ  

© Copyright 2010. All rights reserved. Contact: supattapin@yahoo.com